เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย กับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก

Lifestyle

เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย กับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก เมืองเมล์เบิร์นพึ่งได้รับการประกาศรายชื่อให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ซึ่งนี่ก็เป็นปีที่ 6 ติดต่อกันแล้ว จากการจัดอันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกที่จัดอันดับโดย Economist Intelligence Unit (EIU) ที่ทำการสำรวจเมืองสำคัญๆของโลกมากกว่า 140 เมืองด้วยกัน การจัดลำดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกนี้ก็จะทำการพิจารณาจาก 30 ปัจจัยหลักภายใต้พื้นฐานของ สภาพสังคม สภาพเศรษฐกิจ ระบบการศึกษา ระบบโครงสร้างพื้นฐาน ระบบการให้บริการด้านสุขภาพ และความปลอดภัย โดยใน 10 อันดับแรก มีเมืองที่อยู่ในประเทศออสเตรเลียถึง 3 เมืองด้วยกัน นอกจากเมืองเมลเบิร์นที่ได้เป็นอันดับหนึ่งของโลกแล้ว เมืองแอดิเลดที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศออสเตรเลียนั้นติดอยู่ในอันดับที่ 5 และเมืองเพิร์ทที่ติดอยู่ที่อันดับที่ 7 ของเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก เรามาดู 5 เหตุผลหลักๆกันดีกว่าว่าทำไมเมืองเมวเบิร์นจึงเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก 5. ผู้คนที่เป็นมิตรและมีอัธยาศัยดี ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกแล้ว การที่มีผู้คนเป็นมิตรและมีอัธยาศัยดีก็ถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญและเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เขาว่ากันว่าผู้คนที่นี่เป็นคนที่มาอารมขัน ยิ้มแย้ม และนี่ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญในการต้อนรับผู้ที่มาอาศัยในเมืองนี้ หรือนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวจากทั่วโลกอีกด้วย และไม่ว่าคุณจะเดินทางไปที่ไหนในเมืองเมลเบิร์น คุณก็จะเจอผู้คนเข้ามาพูดคุยทักทายกับคุณเสมอ 4. อาหารการกิน เครื่องดื่ม และกาแฟ ระหว่างที่คุณเดินสำรวจเมืองเมลเบิร์น คุณก็จะผ่านร้านค้าร้านอาหารมากมาย รวมไปถึงคาเฟ่ต่างๆที่แข่งขันกันทำกาแฟและเสิฟกาแฟที่มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยม…

อยากสมัครเป็นพลเมืองถาวรประเทศออสเตรเลีย เรียนคอร์สเหล่านี้สิ

Visa

อยากสมัครเป็นพลเมืองถาวรประเทศออสเตรเลีย เรียนคอร์สเหล่านี้สิ   หลายๆคนเมื่อได้มาที่ประเทศออสเตรเลียแล้ว ก็รู้สึกติดอกติดใจไม่อยากกลับประเทศไทย ทางประเทศออสเตรเลียเค้าก็เปิดโอกาศให้ผู้ที่ได้มาอยู่อาศัยหรือมาเรียนที่ประเทศออสเตรเลียนั้นได้สมัครเป็นพลเมืองของประเทศออสเตรเลีย หนึ่งในทางเลือกที่จะสามารถสมัครเป็นพลเมืองถาวรของประเทศนี้ได้ก็คือการที่เราสามารถประกอบอาชีพที่ทางประเทศออสเตรเลียเขาต้องการได้ แต่ก่อนที่เราจะไปประกอบอาชีพนั้นๆได้ เราก็ต้องเรียนให้จบหลักสูตรของอาชีพนั้นๆเสียก่อน แล้วหลักสูตรหรือคอร์สอะไรบ้างละ ที่จะสามารถยื่นสมัครเป็นพลเมืองถาวรหลังเรียนจบหลักสูตร ตามไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีคอร์สอะไรกันบ้าง 1. สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมเป็นหนึ่งสาขาอาชีพที่ทางประเทศออสเตรเลียมีความต้องการบุคคลที่จบการศึกษาทางด้านนี้ และผู้ที่จบจากสาขาวิชานี้ก็จะมีสิทธิในการยื่นขอวีซ่าพลเมืองถาวรอีกด้วย โดยผู้ที่จะยื่นสมัครเพื่อขอวีซ่าพลเมืองถาวรนั้นก็จะมีทางเลือกหรือขั้นตอนในการศึกษาต่อดังนี้คือ เรียนจบการศึกษาคณะสถาปัตยกรรมในระดับปริญญาตรีหรือปริญญาโทที่ประเทศออสเตรเลียเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี เพื่อที่จะมีสิทธิในการยื่นขอวีซ่าทำงานหลังจากเรียนจบ หรือวีซ่า 485 Graduate Skilled Visa อีกเป็นเวลา 2 ปี และเมื่อหลังจากวีซ่าทำงานหมดอายุจะมีสิทธิในการยื่นขอวีซ่าพลเมืองถาวรหรือวีซ่า 189 Independent Skilled Visa 2. บัญชี สำหรับสาขาบัญชีนั้น ก็จะมีขั้นตอนเหมือนกับผู้ที่เรียนจบทางด้านสถาปัตยกรรมเช่นเดียวกัน โดยผู้ที่สนใจจะสมัครเป็นพลเมืองถาวรประเทศออสเตรเลียโดยจบสาขาวิชาทางด้านบัญชีนั้นจะต้องเรียนจบมหาวิทยาลัยในประเทศออสเตรเลียในหลักสูตรปริญญาโทหรือปริญญาตรีเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี จากนั้นจะมีสิทธิขอยื่นวีซ่าทำงานอีกเป็นเวลา 2 ปี และหลังจากวีซ่าหมดอายุจะสามารถมีสิทธิยื่นสมัครวีซ่าพลเมืองถาวร 3. เทคโนโลยีการสื่อสารและสารสนเทศ สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารก็เป็นหนึ่งอาชีพที่ประเทศออสเตรเลียมีความต้องการนักศึกษาที่จบจากสาขาวีชาชีพนี้สูง โดยผู้ที่จบการศึกษาจากสาขานี้จะมีรายได้เฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ประมาณ $64,649 ในระดับเริ่มงาน $75,559 หลังจากทำงานมาแล้วเป็นเวลา 5 ถึง…

เรียนจบแล้ว อยากอยู่ประเทศออสเตรเลียต่อ ลองดูวีซ่าตัวนี้สิ

Visa

  วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ 485 Graduation Visa หรือวีซ่าชั่วคราวหลังเรียนจบมหาวิทยาลัยที่ประเทศออสเตรเลียกันดีกว่าค่ะ ซึ่งวีซ่านี้ถือว่าเป็นหนึ่งในวีซ่ายอดฮิตของนักเรียนต่างชาติที่มาเรียนต่อและอยากหาประสบการณ์ทำงานที่ต่างประเทศหลังจากจบการศึกษา ทางรัฐบาลประเทศออสเตรเลียก็เปิดโอกาศให้นักเรียนต่างชาติที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียได้ทำงานหาประสบการณ์หลังจากเรียนจบ โดยหลักๆแล้ววีซ่านี้จะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกันคือ   1. Graduation Visa วีซ่านี้เป็นวีซ่าสำหรับนักเรียนที่เรียนจบมาในสาขาอาชีพที่มีระบุอยู่ใน Medium and Long-term Strategic Skills List (MLTSSL) ซึ่งเป็นสาขาอาชีพที่ได้รับการคัดเลือกให้สามารถต่อวีซ่าประเภทนี้ได้ เงื่อนไขในการยื่นสมัครวีซ่าประเภทนี้นอกจากที่จะต้องเรียนจบสาขาวิชาตามที่กำหนดใน MLTSSL แล้ว ยังต้องเรียนจบในหลักสูตรที่มีระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี และมีผลสอบภาษาอังกฤษ IELTS Overall 6.0 โดยในแต่ละพาร์ทมีคะแนนไม่ต่ำกว่า 5.0 หลังจากได้รับวีซ่านี้แล้วจะสามารถอยู่และทำงานในประเทศออสเตรเลียได้อีกเป็นเวลา 18 เดือน     2. Post-Study Work Visa วีซ่านี้เปิดโอกาศให้กับผู้ที่เรียนจบมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ในสาขาวิชาใดก็ได้ โดยผู้ที่เรียนจบในระดับปริญญาตรีและปริญญาโทจะสามารถต่อวีซ่าได้ อีก 2 ปี ผู้ที่เรียนจบปริญญาโท (By…

5 เหตุผลสุดคลาสสิค ว่าทำไมต้องมาเรียนต่อประเทศออสเตรเลีย

Lifestyle

  ประเทศออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศยอดฮิตสำหรับการมาศึกษาต่อสำหรับนักเรียนต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลกเนื่องจากในเรื่องคุณภาพของการศึกษาที่มีคุณภาพมาตรฐานเป็นลำดับต้นๆของโลกแล้ว ยังมีเรื่องของวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ความหลากหลายของศิลปะวัฒนธรรม ผู้คนที่เป็นมิตร สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และ สถานที่ท่องเที่ยวเพื่อนันทนาการอีกด้วย การมาเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลียนั้นจึงได้อะไรต่างๆมากมายนอกจากการเรียนภายในห้องเรียน แต่ยังได้ประสบการณ์ชีวิตนอกห้องเรียนที่น่าจดจำไปตลอดชีวิตอีกด้วย ที่นี้เรามาลองดูรายละเอียดต่างๆที่ทำให้ประเทศออสเตรเลียนั้นเป็นหนึ่งในประัเทศยอดฮิตในการมาเรียนต่อกันค่ะ 1. ระบบการศึกษาในประเทศออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลียมีสถาบันการศึกษามากกว่า 1,100 สถาบันการศึกษาและมีคอร์สเรียนให้เลือกมากมายหลากหลายมากกว่า 22,000 คอร์สเรียนด้วยกันในทุกระดับ อีกทั้งยังมี 8 มหาวิทยาลัยภายในประเทศออสเตรเลียที่ติด 100 อันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลกอีกด้วย ทั้งนี้ทางรัฐบาลประเทศออสเตรเลียยังให้เงินสนับสนุนทางด้านการศึกษาและทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติเป็นจำนวนเงินมากกว่า 200 ล้านเหรียญต่อปี แค่นี้ก็พอจะการันตีได้แล้วว่าประเทศนี้เค้าเอาจริงเอาจังกับเรื่องการศึกษาขนาดไหน สำหรับระบบการศึกษาออสเตรเลียในระดับปริญญาตรีส่วนใหญ่แล้วจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ปีในการเรียนจบหลักสูตรซึ่งจะต่างกันกับที่ประเทศไทยที่ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ระยะเวลาเรียนตลอดหลักสูตรประมาณ 4 ปี ระบบเทอมการศึกษามีทั้งแบบ 2 เทอมการศึกษาต่อปี และ 3 เทอมการศึกษาต่อปี ในส่วนของระดับปริญญาโทจะใช้ระยะเวลาเรียนเป็นเวลา 1.5 – 2 ปีด้วยกัน สำหรับหลักสูตรทางด้านวิชาชีพทางประเทศออสเตรเลียจะเรียกว่า TAFE ซึ่งการเรียนการสอนจะเกี่ยวกับการอบรมและปฏิบัติงานจริงในสาขาวิชาชีพต่างๆ 2.คุณภาพชีวิต ในเรื่องของคุณภาพชีวิตในประเทศออสเตรเลียนั้น มีบางสถาบันที่จัดลำดับในเรื่องวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของแต่ละประเทศทั่วโลกได้ให้ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลกเป็นอันดับสองของโลก แต่อย่างไรก้ตามประเทศออสเตรเลียมีเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกก็คือเมืองเมลเบิร์นที่ได้รับคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์จากหลายๆสถาบันจัดอันดับด้วยกัน การพิจารณาจัดอันดับก็จะพิจารณาจากในเรื่องของระบบเศรษฐกิจ ระบบการศึกษา ค่าครองชีพ มาตรฐานเรื่องสุขภาพและสาธารณสุขเป็นต้น…

Monash University มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับสองที่ตั้งอยู่ในรัฐวิคตอเรีย

School and University

มหาวิทยาลัย Monash University เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับสองภายในรัฐวิคตอเรีย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1958 และเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่อยู่ในกลุ่ม G8 (Group of Eight) หรือกลุ่ม 8 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศออสเตรเลีย อีกทั้งยังเป็นสถาบันที่เป็นศูนย์รวมของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสเต็มเซลล์ สถาบันแห่งนี้มีวิทยาเขตที่ตั้งอยู่ในประเทศออสเตรเลียถึง 6 แห่ง ได้แก่ Clayton campus, Caulfield campus, The Alfred campus, Parkville campus, Peninsula campus, และ Berwis campus อีกทั้งยังมีวิทยาเครือข่ายอยู่ที่ต่างประเทศได้แก่ที่ประเทศแอฟริกาใต้ อิตาลี อินเดีย และประเทศจีน มหาวิทยาลัย Monash University นั้นยังถือว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยในประเทศออสเตรเลียที่เข้ายากที่สุดและมีมาตรฐานสูงที่สุด คณะที่เปิดสอนแบ่งออกหลักๆเป็น 10 คณะดังนี้ คณะศิลปะและการออกแบบสถาปัตยกรรม คณะอักษรศาสตร์ คณะธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร คณะกฏหมาย คณะแพทย์ศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ อันดับโดยรวมของมหาวิทยาลัยที่จัดโดยสถาบันจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลก…

เรียนเชฟที่เมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย พร้อมโอกาศต่างๆในการทำงานและการยื่นขอวีซ่าพลเมืองถาวรหลังเรียนจบ

Visa

วันนี้เรานำข้อมูลที่น่าสนใจของคอร์ส Commercial Cookery/Hospitality ที่โรงเรียน TAFE Brisbane มาฝากกันค่ะ หรือถ้าจะให้เข้าใจกันง่ายๆก็คือคอร์สเรียนสำหรับการเป็นเชฟนั่นเอง ถ้าถามว่าทำไมถึงจะต้องเรียนเชฟที่ประเทศออสเตรเลีย ก็ต้องบอกเลยว่ามีเหตุผลต่างๆนาๆมากมายที่เป็นข้อดีของการเรียนเชฟในประเทศออสเตรเลีย ยกตัวอย่างเช่น โอกาศในการทำงานในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศออสเตรเลียเอง หรือประเทศต่างๆทั่วโลก ประสบการณ์ในการเรียนและการทำงานในต่างประเทศ รายได้ที่จะมากขึ้นหลังจากเรียนจบเชฟและได้ทำงานในโรงแรม ภัทตาคาร หรือร้านอาหารต่างๆในประเทศออสเตรเลีย ระหว่างเรียนก็ยังมีโปรแกรมฝึกงานอยู่ในหลักสูตรอย่างน้อย 360 ชั่วโมงด้วยกัน โอกาศในการยื่นสมัครเป็นพลเมืองถาวรประเทศออสเตรเลีย เดี๋ยวในบทความหน้าเราจะมาเจาะลึกข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับข้อดีของการเรียนเชฟในประเทศออสเตรเลียกัน ส่วนวันนี้เราจะขอนำเสนอข้อมูลต่างๆในการเรียนคอร์ส Commercial Cookery ที่สถาบัน TAFE Brisbane มาให้อ่านกันก่อนเพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาและประกอบการตัดสินใจสำหรับผู้ที่สนใจ   ก่อนอื่นเรามารู้จักคร่าวๆกันก่อนดีกว่าว่าสถาบัน TAFE Brisbane คืออะไร? TAFE ย่อมาจาก Technical and Further Education ซึ่งเป็นสถาบันที่สอนสาขาวิชาที่อยู่ในกลุ่มสาขาวิชาชีพหรืออาชีวศึกษา สถาบันนี้เรียกได้ว่ามีแทบทุกเมืองในประเทศออสเตรเลีย หลักสูตรที่เปิดสอนมีมากมายหมากหลายสาขาวิชาด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น การบริการและการโรงแรม การพยาบาล การเกษตร เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่างฝีมือ ช่างเทคนิค ศิลปะ และอื่นๆ โดยระดับของหลักสูตรก็จะมีตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตร อณุปริญญา…

5 สิ่งที่ต้องทำเมื่อมาถึงเมืองโกลด์โคสต์ประเทศออสเตรเลีย

Lifestyle

เมืองโกลด์โคสเมืองที่มีชายหาดทอดยาวสุดลูกหูลูกตา และได้รับคำนิยามว่าเป็นสวรรค์ของนักโต้คลื่น ในบทความที่ผ่านมาเราได้พูดกันไปแล้วเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของเมืองนี้ มาในบทความนี้เราจะมาแนะนำกิจกรรม 5 กิจกรรมที่ต้องทำเมื่อไปเยือนเมืองโกลด์โคสต์ มีอะไรกันบ้าง ตามไปดูกันเลยจ้า   5. เล่นเซิร์ฟ ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ของนักโต้คลื่นก็ต้องไปโต้คลื่นสิ โดยจุดโต้คลื่นที่สำคัญๆของเมืองนี้ที่นักโต้คลื่นจากทั่วโลกนิยมไปเล่นเซิร์ฟกันจริงๆนอกจากบริเวณ Surfer Paradise แล้ว ยังมีอีกบริเวณที่เรียกว่า Snapper Rocks ที่นักโต้คลื่นตัวจริงนิยมไปกันอีกด้วย   4. บุฟเฟ่อาหารทะเล ไหนๆก็มาทะเลแล้ว ก็ต้องกินอาหารทะเลด้วยเพื่อให้ได้บรรยากาศของการมาทะเล ที่นี่มีบุฟเฟ่อาหารทะเลมากมายให้ได้เลือกสรรกันอย่างจุใจ แต่มีหนึ่งสถานที่ที่เราอยากจะแนะนำให้ได้ไปกันก็คือ Four Winds Revolving Restaurant ซึ่งบรรยากาศในร้านอาหารจะสามารถชมวิวได้แบบ 360 องศาบนยอดตึกของโรงแรมที่พื้นของชั้นนั้นจะทำการหมุนรอบๆไปเรื่อยๆ   Image Source: Fourwindsrestaurant.com   3. ช็อปปิ้ง ในเมืองโกลด์โคสต์มีแหล่งช๊อปปิ้งที่สำคัญๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณ Surfer Paradise หรือ Outlet ที่ใหญ่ที่สุดในรัฐควีนส์แลนด์ที่มีชื่อว่า Harbour Town นอกจากนั้นยังไม่พอ ยังมีห้างที่ใหญ่ที่สุดในรัฐควีนส์แลนด์อีกด้วย กับห้างสรรพสินค้าที่ชื่อว่า Pacific Fair  …

เรียนภาษาอังกฤษที่เมืองโกลด์โคสต์ ประเทศออสเตรเลียกับโรงเรียน Browns English Language School

Blog

โรงเรียน Browns English School Gold Coast Campus ตั้งอยู่ที่เมืองโกลด์โคสต์ ประเทศออสเตรเลีย บริเวณ Southport ถนน Marshall Lane สถานที่ของโรงเรียนนั้นตั้งอยู่ใกล้กลับ Gold Coast Aquatic Center ซึ่งเป็นสระว่ายน้ำที่ใหญ่และได้มาตรฐานระดับโลกที่ใช้เป็นที่แข่งขันว่ายน้ำสำหรับงานแข่งขันกีฬาต่างๆ อีกทั้งยังมีสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่บริเวณริมชายหาดและมักเป็นที่จัดกิจกรรมและอีเว้นท์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต เทศกาลอาหาร หรือเทศการ Food Truck เป็นต้น   สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโรงเรียนและในห้องเรียนของโรงเรียนนี้เรียกได้ว่ามีอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องเรียนที่มีขนาดใหญ่และมีหน้าต่างโดยรอบเพื่อที่จะสามารถให้เห็นวิวภายนอกที่สวยงามของเมืองได้ จอทีวี LCD Screen ขนาด 46 นิ้วที่มีอยู่ในทุกๆห้องเรียน พื้นที่ส่วนกลางของโรงเรียนที่เป็นพื้นที่พักผ่อนและสามารถชมวิวและเรือยอร์ชในบริเวณ Broadwater มีคอมพิวเตอร์และไฮสปีดอินเตอร์เน็ตไว้ให้บริการ พื้นที่สวน Outdoor สำหรับให้นักเรียนได้พักรับประทานอาหารกลางวันและสามารถพูดคุยพบป่ะกับเพื่อชาวต่างชาติในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังมีห้องสมุด ห้องครัว และอื่นๆอีกมากมายไว้ให้บริการกับนักเรียนอย่างเต็มที่     หลักสูตรที่เปิดสอนก็เรียกได้ว่าแทบจะครอบคลุมทุกหลักสูตรภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อจุดประสงค์ทางวิชาการ และการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อจุดประสงค์พิเศษ ตัวอย่างคอร์สที่เปิดสอนได้แก่ Intensive General English English…

7 เทคนิค ฝึกพูดภาษาอังกฤษให้คล่องขึ้น

Blog

วันนี้เราจะมาขอนำเสนอ 7 เทคนิค ฝึกพูดภาษาอังกฤษให้คล่องขึ้นได้ด้วยตัวเองง่ายๆ และได้ผลมาฝากกันน่ะค่ะ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ     7. เลิกกังวลเรื่องแกรมม่า การกังวลเรื่องแกรมม่ามากๆจะทำให้เราเสียความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษได้  ลองนึกดูว่าเวลาเราพูดภาษาไทยนั้น เราต้องคำนึงถึงแกรมม่าภาษาไทยหรือไม่? มันแทบไม่จำเป็นต้องนึกถึงเลยไช่ไหมล่ะ ภาษาอังกฤษก็เช่นเดียวกัน ลองฝึกพูดภาษาอังกฤษโดยเลิกนึกถึงเรื่องของหลักไวยากรณ์และลองใช้วิธีเลียนเสียงหรือเลียนแบบวิธีการพูดภาษาอังกฤษจากชาวต่างชาติหรือภาพยนต์ต่างๆแทนดูสิค่ะ   6. เรียนรู้คำศัพท์และสำนวนต่างๆในภาษาอังกฤษ การเรียนรู้คำศัพท์หรือสำนวนต่างๆในการพูดภาษาอังกฤษมีความจำเป็นอย่างมากในการที่จะทำให้เราพูดภาษาอังกฤษได้คล่องขึ้น การไม่รู้ศัพท์ที่จะพูดออกมาอาจมีวิธีแก้ไขโดยการอธิบายสิ่งๆนั้นแทนที่จะพูดคำๆนั้นออกมาตรงๆถ้าเรานึกไม่ออก แต่บางครั้งมันก็จะทำให้เราหยุดคิดหรือลังเลที่จะพูดออกมา เพราะฉะนั้นเราควรหมั่นเติมความรู้และคลังคำศัพท์ภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอด้วยนะค่ะ   5. ตั้งเป้าหมายในการฝึกพูดภาษาอังกฤษ วางแผน และ ฝึกให้ได้ทุกวัน การตั้งเป้าหมายและนึกถึงผลที่จะได้หลังจากการฝึกภาษาอังกฤษก็จะทำให้เรามีกำลังใจในการฝึกมากขึ้น เป้าหมายในการฝึกภาษาอังกฤษก็ไม่จำเป็นต้องเป็นอะไรที่ซีเรียสเสมอไป ยกตัวอย่างเช่น เป้าหมายของเราคือการพูดภาษาอังกฤษให้มีสำเนียงคล้ายกับคนภาษาอังกฤษมากที่สุด เพื่อที่จะได้ไปโชว์เพื่อนๆเวลาพูดภาษาอังกฤษ ลองนึกดูสิค่ะว่ามันจะเท่แค่ไหน ถ้าเราพูดภาษาอังกฤษได้แบบคล่องแคล่วอย่างกับคนอังกฤษ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการฝึกฝนในทุกๆวันเพื่อเพิ่มความคุ้นเคยในการใช้ภาษาและยังทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นอีกด้วย   4. พูดกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ ฟังดูแปลกกับการพูดกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ แต่เชื่อไหมว่าเป็นวิธีที่ช่วยให้เราสามารถพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษให้คล่องขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เวลาเราคิดอะไรในใจเมื่ออยู่คนเดียว ก็พูดก็บ่นมันออกมาเป็นภาษาอังกฤษซะ ไม่ว่าจะเป็นตอนอาบน้ำ แต่งตัว ขับรถ หรือ ก่อนเข้านอน วิธีการนี้เป็นวิธีที่ได้ทั้งการฝึกคิดและพูดออกมาพร้อมๆกันเลยทีเดียว เราไม่แนะนำให้คิดหรือวางแผนไว้ก่อนที่จะพูด แต่ให้พูดออกมาเลยแบบธรรมชาติเหมือนเวลาที่เราพูดภาษาไทยนั่นแหล่ะ   3. อ่านภาษาอังกฤษแบบออกเสียง…

มหาวิทยาลัย University of New South Wales ที่สุดทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี ธุรกิจ และกฎหมาย

Blog

มหาวิทยาลัย University of New South Wales หรือที่เรียกโดยย่อว่า UNSW ตั้งอยู่ที่เมืองซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกในอันดับที่ 49 จากการจัดอันดับของสถาบัน QS World University Rankings ในปี 2016 และยังเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งในรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่ผู้จ้างงานเลือกผู้ที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนี้รับเข้าทำงาน     คุณภาพของมหาวิทยาลัยเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกทั้งในเรื่องของอุปกรณ์และสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัย คุณภาพของบุคลากรและอาจารย์ในมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในเรื่องของคณะทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีและอีคอมเมิร์ซ และคณะกฎหมาย มหาวิทยาลัย University of New South Wales ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่ในกลุ่ม G8 ซึ่งก็คือกลุ่ม 8 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศออสเตรเลีย ทางมหาวิทยาลัยเปิดสอน 8 คณะหลักๆดังนี้ คณะศิลปะและการออกแบบ คณะสังคมศาสตร์ คณะสิ่งแวดล้อม คณะธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะกฎหมาย คณะเภสัชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์          …